ReadyPlanet.com
dot dot dot
dot
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการเลือกชุดสูท
dot
bulletห้องวัดตัว
bulletGallary ชุดสูทเช่า
bulletตัดชุดสูทผู้ชาย ต้องวัดสรีระส่วนไหนบ้าง
dot
เกร็ดความรู้ สำหรับการใส่ชุดสูทออกงาน
dot
bulletการเลือกรองเท้าเจ้าบ่าว
bulletชุดทักซิโด้ blacktie ใส่ตอนไหนดี
bulletการเลือกสูทเจ้าบ่าว
bulletผ้าวูล คือสุดยอดผ้าที่นำมาตัดสูท จริงหรือไม่
bulletใส่ชุดสูทให้ดูดีมีสไตล์ ต้องทำอย่างไร ?
bulletDresscode คืออะไรในบัตรเชิญงานเลี้ยง
bullet15 thing men need to know about suits
bulletมารยาทการแต่งกายเมื่อต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของงานวิวาห์
bulletการพับผ้าเช็ดหน้าสูทเจ้าบ่าว
bulletการเลือกชุดสูทกับรองเท้าผ้าใบให้เข้าชุดกัน
bulletรองแท้าผู้ชาย 10 แบบ 10 สไตล์ที่ควรรู้
bulletวิธีพับชุดสูทใส่กระเป๋าเดินทาง พับยังไงไม่ให้ยับ


โปรโมชั่นพิเศษ ประจำเดือน
เปิดบริการทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 10.00-20.00 น  เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 10.00-19.00 น
แผนที่ร้านเช่าสูท socialsuits google map
เฟสบุ๊ค ร้านเช่าสูท
ภาพรีวิวลูกค้าที่มาใช้บริการเช่าสูทผู้ชาย
Id line : @socialsuits


dot
Dresscode คืออะไรในบัตรเชิญงานเลี้ยง

เมื่อเอ่ยถึงคำว่า Dress Code ตัวอักษรเล็กๆ ที่มักถูกระบุไว้บนบัตรเชิญปาร์ตี้งานเลี้ยงต่างๆ
ในอดีตเรื่องนี้อาจไม่คุ้นกันนัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงระดับหรู งานสังคมไฮโซ หรืออีเว้นท์ ที่กำลังมาแรง
มักนิยมระบุ Dress Code หรือการกำหนดลักษณะการแต่งตัวสำหรับงานนั้น เอาไว้แทบทั้งนั้น

Dress Code คือ ตัวกำหนดในการแต่งตัวให้กับเรา มันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น
เพราะปัจจุบันมีการแต่งตัวที่หลากหลายมากขึ้น มีแฟชั่นต่างๆ เข้ามา ดังนั้นการแต่งกายจึงต้องมีมาตรฐานกลาง
ที่เป็นตัวกำหนดให้คนเราแต่งตัวแล้วไม่หลุดไปจากสถานการณ์นั้น”

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาบุคลิกภาพเกริ่นนำถึงความหมาย และความสำคัญของ Dress Code
ที่แค่หลับตาจินตนาการก็คงนึกออก ว่าเวลาไปงานไหนแล้วเราแต่งตัวออกมาดูแปลกแหวกแนวจากคนอื่นน่ะ
มันน่าเขินอายเพียงใด ดังนั้นงานต่างๆ ในปัจจุบันจึงอำนวยความสะดวก ด้วยการระบุ Dress Code
หรือกฎเกณฑ์ในการแต่งกายเอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางให้แขกเหรื่อแต่งตัวมาร่วมงานได้อย่างไม่หลุดคอนเซ็ปต์ (concept)
      
“ปัจจุบันเราพบ Dress Code ได้บ่อยที่สุดในบัตรเชิญ ซึ่งจะระบุว่าเชิญไปปาร์ตี้ที่ไหน วันที่เท่าไหร่ ใครเป็นเจ้าภาพ
แล้วบริเวณด้านล่างของบัตร ด้านหนึ่งจะเป็นคำว่า RSVP แปลความหมายว่า ขัดข้องโปรดตอบกลับ อีกด้านจะบอกว่า
Dress Code สำหรับงานนั้นคือรูปแบบไหน โดยสมัยก่อนมักใช้คำว่า ‘แต่งกายสุภาพ’
คนที่ได้รับเชิญก็ต้องมานั่งคิดกันอีกว่า แต่งกายสุภาพนั้นมาตรฐานใคร ก็ไม่เหมือนกันอีก
ทุกวันนี้จึงมีการกำหนดให้ชัดขึ้นด้วย Dress Code เฉพาะต่างๆ ที่ก็มีมากมาย และมีความหมายแตกต่างกันไป”
      
แม้ Dress Code จะมีหลากหลาย แต่ที่นิยมกันจริงๆ ในปัจจุบันก็มีไม่มากนัก
และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพชื่อดังก็ได้รวบรวม Dress Code สำคัญๆ ที่ต้องพบเจอกันบ่อยๆ
มาให้คุณได้ทราบกัน ณ ที่นี้แล้วค่ะ

Business Attire

“ภาพของ Business คนมักมองว่า ธุรกิจก็คือ การใส่สูท ดังนั้นพอพูดถึง Business Attire
จึงหมายถึง การใส่สูท ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าผู้ชายก็จะเป็นการใส่สูทผูกเนคไท (necktie)
ผู้หญิงก็จะเป็นกระโปรงสูท หรือกางเกงสูทก็ได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ยอมรับทั้งสองแบบแล้ว”
แม้จะมีกรอบกำหนดว่าการแต่งกายรูปแบบนี้คือ การใส่ชุดสูท แต่ Dress Code
ลักษณะนี้ ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องของสี และลายผ้า ที่ถือเป็นทิป (tip) สำคัญซึ่งจะช่วยเสริมส่งให้ชุด
Business Attire ของคุณดูเนี้ยบยิ่งกว่าเดิม

Business Casual

รูปแบบนี้คือการลงมาอีกสเต็ป (step) ของความเป็นธุรกิจ การแต่งกายแบบ Business Casual
มันจะเบาลงมาจาก Business Attire มีความเป็นลำลองมากขึ้น ทีนี้พอมันลำลองขึ้น สิ่งที่จะเป็นก็คือ
คุณยังใส่สูทอยู่ แต่คุณผู้ชายจะไม่ผูกเนคไท เพื่อให้ดูผ่อนคลายไปอีกสเต็ปนึง
กางเกงของผู้หญิง และผู้ชาย ถ้าเป็น Business Attire จะเป็นทรงตรง แต่เดี๋ยวนี้แฟชั่นของ Business Casual
จะทำให้ขากางเกงมีหลายแบบเช่น เป็นทรงสอบลงมา หรือเสื้อสูทของผู้หญิงอาจไม่ต้องเป็นสูทยาวแบบ
Business Attire รูปทรงของเสื้ออาจจะสั้นขึ้นมา แล้วก็มีลูกเล่นอื่น เช่น พับแขนเสื้อขึ้นมาแล้วแขนเสื้อที่พับก็มีลวดลาย
ส่วนเสื้อที่ใส่ข้างในอาจจะไม่ใช่เป็นเชิ้ตก็ได้ สามารถที่จะใส่เป็นเสื้อกล้าม เสื้อคอวีต่างๆ ได้
แต่อย่างไรเสียถ้าเป็น Business casual ก็ยังมีหลักว่า ตัวเสื้อและกระโปรงหรือกางเกงนั้น ควรจะเป็นสีเดียวกันทั้งชุด”

Smart Casual

“ลงมาอีกสเต็ปของความเป็นธุรกิจ จะเรียกว่า Smart Casual ซึ่งวิธีคิดง่ายๆ คือ ถามตัวเองว่าอะไรคือ Casual Wear
หรือเสื้อผ้าชุดลำลองของคุณ ก็คือ ชุดที่คุณใส่ไปเที่ยวเล่นในวันหยุดนั่นแหละ และการทำให้ชุดลำลองเป็นชุด Smart Casual
ก็คือหาเสื้อแจ็กเก็ต (jacket) อีกตัวมาทับ คือมันยังมีความสมาร์ท (smart)
อยู่ ไม่ได้ดูลำลองเกินไป อย่างเช่น ชุดเดรสของผู้หญิงก็จัดอยู่ใน Smart Casual
เหมือนกัน เพราะว่าถ้าเป็นแบบ Business Casual มันยังต้องมีเสื้อสูทเข้ามากำกับในความเป็นธุรกิจนั้นอยู่
แต่ถ้าเป็นแค่ชุดเดรสธรรมดาก็จะอยู่ในระดับของ Smart Casual

Evening Dress

 สำหรับ Evening Dress มีความหมายถึง ชุดราตรียาว สวยงามหรูหราค่ะ ถือเป็นชุดทางการสุดๆ
เรียกได้ว่าถ้าเห็นการ์ดใดระบุตรง Dress Code ว่า Evening Dress แล้วล่ะก็ เตรียมสวยเต็มสตรีมได้เล้ย
“Evening Dress คำพูดนี้คือชุดยาวค่ะ เป็นกระโปรงยาวปักเลื่อมที่สวยงามต่างๆ นิยมใส่ไปในงาน
หรือสถานที่ซึ่งพิเศษ หรือโอกาสสำคัญๆ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และพิเศษจริงๆ หรือแม้แต่ในห้องอาหารหรูบางแห่งในมื้อดินเนอร์
ก็มีการใส่ชุดลักษณะนี้ได้เช่นกัน”

Black Tie

หลายครั้งเหลือเกินที่ในบัตรเชิญจะระบุว่า Black Tie ซึ่งกำหนดเฉพาะคุณผู้ชายเท่านั้น
แต่สาวเราต้องทราบไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ชายแต่งกายแบบ Black Tie เต็มสูตรแล้ว
สาวเราต้องแต่งอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมเข้ากันกับเขาของคุณ
“ปัจจุบันงานเลี้ยงช่วงกลางคืนหลายงานจะระบุไว้ว่า ผู้ชายแต่งแบบ Black Tie
นั่นคือใส่เสื้อสีขาว เป็นพลีทข้างใน แล้วก็มีหูกระต่ายผูกที่คอ แต่ไม่ได้บอก Dress Code
สำหรับผู้หญิง ทีนี้เมื่อเขาระบุให้ผู้ชายใส่อย่างนี้ สำหรับผู้หญิงบอกได้เลย ต้องใส่ชุดราตรียาว คือ ไม่ต้องคิดมากเลย
และหากเป็นงานกลางคืนสำหรับผู้หญิง การใส่ชุดราตรีสีเข้มเข้าไว้ก็จะถือว่าเหมาะกว่าสีอ่อนค่ะ

Dress Code แบบอื่นๆ

“ถ้าเป็นอะไรที่นอกเหนือจาก Dress Code หลักๆ ที่กล่าวไปแล้ว เบาใจได้เลยค่ะ”
กูรูของเราบอกว่าถ้าเป็นคำว่า Cocktail Dress ความหมายถึงชุดราตรีสั้น ซึ่งใส่เฉพาะในงานเลี้ยงค็อกเทล

“กรณีระบุศัพท์อื่นที่ไม่คุ้นหูนั้น ส่วนใหญ่คือ คำที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ เพื่อเพิ่มสีสันให้แต่ละงานเท่านั้น เพราะเรื่องของ Dress Code
มันมีคำใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา การครีเอท (create) สิ่งเหล่านี้ในการ์ดเชิญ ก็เพื่อความสนุกของงาน อย่างเช่น Pink Party
ก็คือ ใส่สีชมพู แต่งยังไงก็ได้ขอให้มีสีชมพูอยู่ตรงไหนสักแห่งเป็นพอ มันเป็นรสชาติของงาน มันจะได้ไม่ดูจืดชืด มีสีสันมีรสชาติเท่านั้นเอง
      
จึงขอแนะนำว่า ถ้าไม่รู้ มันไม่ได้แปลว่าฉันโง่ หรืออะไร ถ้าคุณจะโทรไปถามเจ้าภาพว่า คุณหมายถึงอะไร
หรือคุณอยากให้เสื้อผ้าออกมาอย่างไร โทรไปถามเขาเลย เพราะอย่างช่วงก่อนที่นิยมเสื้อผ้าที่ระยิบระยับ ก็มีคนคิด Dress Code
เป็น Glitter Dress ซึ่งมันคือ เสื้อผ้าที่มีความระยิบระยับ แต่บางคนก็ไม่รู้ หากไม่รู้ คือให้ถามเจ้าภาพเขาเลย
เพราะบางทีเราก็ตีโจทย์ไม่ออก พอตีโจทย์ผิด เราก็อาจจะกลายเป็นตัวตลกในงาน”

ที่มา
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000178319